
เครื่องสเตบิไลเซอร์ เครื่องเสียง-กับระบบไฟฟ้า
เครื่องเสียง-กับระบบไฟฟ้า มีความสำคัญต่อกันอย่างมาก เมื่อใดกระแสไฟฟ้าตก ไฟขาดไฟเกิน ล้วนทำให้เครื่องเสียงมีปัญหาทั้งสิ้น บางคนคนอาจไม่ใส่ใจ รายละเอียดระบบเสียง ไม่ใส่ใจความเพียงพอ ของกระแสไฟในระบบ จนส่งผลเสียทั้งระบบตามมา ซึ่งทุกอย่างที่กล่าวมา สามารถป้องกันปัญญหาได้ แต่นักเล่นเครื่องเสียงส่วนมาก รู้อยู่แล้วว่า กระแสไฟฟ้าไม่นิ่ง ทำให้ เครื่องเสียง ที่ใช้งานอยู่ มีปัญหาตามมาแน่ๆ หนักหน่อยอาจเกิดความเสียหาย ภายในวงจร เครื่องพังเสียหายได้ สำหรับคนที่เข้าใจระบบไฟฟ้า เข้าใจระบบเสียง จะวางแผนล่วงหน้า เมื่อรู้ว่าจะใช้เครื่องเสียงแบบไหน กินกำลังไฟเท่าไร นำข้อมูลมาวางแผนวิเคราะห์ ระบบทั้งหมด เริ่มจากการเดินสายไฟ ปลั๊กไฟ รองรับไว้อย่างเหมาะสม เพียงพอต่อการใช้่งาน ในแต่ละจุด ช่วยป้องกันปัญหา เกี่ยวกับระบบไฟฟ้า ได้เป็นอย่างดี แต่สำหรับคนที่ ไม่ได้เตรียมการ ออกแบบระบบไฟฟ้า ประเภทมีปลั๊กแบบไหน ก็ใช้ตามนั้น ถ้าเป็นระบบเล็กๆ ไม่ยุ่งยาก และไม่ใส่ใจในรายละเอียด ก็คงใช้ได้ตามความพอใจ ปัญหาระบบเสียง เกิดจากระบบไฟฟ้า เกิดขึ้นได้บ่อยมาก แม้แต่ระบบที่วางแผนติดตั้งดีอยู่แล้ว ก็มีปัญหาได้เช่นกัน ยกตัวอย่าง บ้านที่อยู่ในเขตุอุตสาหกรรม บ้านอยู่ในเขตชุมชนขยายตัว หรือบ้านที่ีอยู่ในแนว บริเวณฟ้าผ่าบ่อยๆ จะมีปัญหา จากไฟขาดไฟเกิน อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ทางแก้ปัญหา คงหนีไม่พ้นต้องหา เครื่องสำรองไฟ เครื่องรักษาระดับแรงไฟ มาใช้งาน เครื่องสำรองไฟ คงรู้จักกันดี เพราะเป็นที่นิยมกันมานาน ใช้สำรองไฟเครื่องคอมพิวเตอร์ เครื่องควบคุมระบบอัตโนมัต ที่ต้องการความนิ่ง ความสเถียรของแรงไฟ ป้องกันการทำงานผิดพลาดของระบบ และยังป้องกัน อะไหล่และ อุปกรณ์อิเล็คทรอนิคส์ เสียหาย จากระบบไฟฟ้าไม่คงที่
ระบบเสียงก็เช่นกัน จำเป็นอย่างยิ่ง ต้องรักษาระดับแรงไฟ ให้เพียงพอเลี้ยงระบบ เพื่อให้เครื่องเสียงใช้งานได้ อย่างสมบูรณ์ ได้ระบบเสียงที่คุณภาพเสียงที่ดี เครื่องสเตบิไลเซอร์ จึงถูกนำมาใช้งานควบคุม ระดับแรงไฟให้คงที่ บางยี่ห้อยังออกแบบป้องกัน ไฟเสริทฉับพลันจากฟ้าผ่า ช่วยป้องกัน เครื่องเสียงราคาแพงๆ ไม่ให้เกิดความเสียหาย จากแรงไฟเกินเข้าระบบเสียง เป็นการป้องกัน และแก้ไขปัญหาได้เช่นกัน
การเลือกซื้อ เครื่องสเตบิไลเซอร์ ให้เหมาะสมกับระบบเสียง ต้องคำนึงถึงกำลังวัตต์รวมของระบบ ต้องไม่ต่ำกว่ากำลังวัตต์รวม ของเครื่องเสียงทั้งหมดในระบบ ควรจะเผื่อเกินไว้ 20-30 % เป็นอย่างต่ำ ถ้ากำลังวัตต์ของเครื่อง สเตบิไลเซอร์สูงมาก ราคาก็จะสูงมากตามไปด้วย ถ้ากำลังซื้อถึง ก็ไม่ได้เสียหายอะไร แต่ถ้าคำนึงถึงความเหมาะสม กำหนดค่าพอดี เหมาะสม กับระบบที่ใช้อยู่ จะได้ไม่ต้องสิ้นเปลืองมาก